ราล์ฟ รังนิกคือใคร เหตุใดจึงได้กลายมาเป็นกุนซือขัดตาทัพคนใหม่ของแมนยู
แม้ว่าไมเคิล คาร์ริคนั้นจะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะของกุนซือขัดตาทัพชั่วคราวหลังจากที่บอร์ดบริหารใหญ่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ทำการปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาออกหลังพ่ายแพ้ให้กับวัตฟอร์ดด้วยคะแนนถึง 1 ประตูต่อ 4
เขานั้นสามารถคุมทีมไปชนะบียาร์เรอัลได้สำเร็จถึง 2 ประตูต่อ 0 แต่อย่างไรก็ตามด้วยกระแสการเมืองภายในที่นักเตะหลายคนมองว่าคาร์ริคนั้นยังไม่มีความสามารถมากพอในการคุมทีมเข้าร่วมการแข่งขันที่หลังจากนี้จะเต็มไปด้วยความกดดันทำให้สุดท้ายบอร์ดบริหารใหญ่ก็จำเป็นที่จะต้องมองหากุนซือคนใหม่ที่จะมาแทนคาร์ริคอยู่ดี
ก่อนหน้านี้มีประเด็นมากมายเกี่ยวกับกุนซือคนใหม่ของแมนยูโดยมีการเต็งรายชื่อกุนซือชื่อดังหลายคนเลยทีเดียว แต่สุดท้ายโผลทุกสำนักก็ต้องพลิกเมื่อสุดท้ายแมนยูตัดสินใจที่จะดึงตัวราล์ฟ รังนิกเข้าร่วมทีมเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวแทน หลายคนคงสงสัยไม่น้อยเลยว่าเขาคือใคร วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักเขามากยิ่งขึ้นกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่ากุนซือวัย 63 ปีผู้นี้ได้ตกลงเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 6 เดือนกับสโมสรแมนยูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขานั้นถือว่ามีกิตติศัพท์ในวงการฟุตบอลไม่น้อยเลยทีเดียวโดยเฉพาะในลีกเมืองเยอรมันที่อยู่มาเป็นระยะเวลายาวนานจนกลายเป็นผู้รอบรู้อีกคนหนึ่ง บรรดาโค้ชภายในทีมพรีเมียร์ลีกหลายคนต่างก็ยกย่องและเรียนรู้กลยุทธ์จากกุนซือผู้นี้ ถึงขั้นที่มีฉายาว่า The professor กันเลยทีเดียว
ราล์ฟ รังนิกนั้นเริ่มเป็นคอร์สตั้งแต่อายุเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้นหลังจากที่เคยผ่านการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพในระดับเซมิโปร เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมากที่ในยุคนั้นทีมชาติเยอรมันนิยมเล่นแบบ Man marking และใช้ระบบ 5-3-2 เป็นหลัก ทำให้ปรัชญาในการคุมทีมของเขากับสิ่งที่ได้รับความนิยมในยุคสมัยนั้นขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จในที่สุดหลังคุมทีมเล็กๆ อย่างอูล์มให้สามารถคว้าแชมป์ในดิวิชั่น 4 ได้สำเร็จ
ถึงขั้นที่รายการโทรทัศน์เชิญเขาไปออกรายการเพื่ออธิบายทฤษฎีฟุตบอลของเขาเลยทีเดียว หลังจากนั้นสื่อเยอรมันก็ตั้งฉายาให้เขาว่าเป็นโปรเฟสเซอร์มาจนถึงปัจจุบัน แต่ในช่วงนั้นมันไม่ได้มาเพราะความเคารพนับถือแต่เป็นการเยาะเย้ยมากกว่า อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเขาก็ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าเขาสามารถพาทีมอย่างฮันโนเวอร์สามารถเลื่อนขั้นสู่การแข่งขันอย่างบุนเดสลีกาได้สำเร็จ
อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์
แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89
